Page 37 - 003
P. 37
ดังนั้น ทฤษฏีของกลุมเกสตัลท์สามารถน าไปใช ดังนี้
1. ประสบการณ์เดิมของผูเรียนมีความส าคัญตอการท าบทเรียน
2. การเรียนการสอนใชบทเรียนที่มีความสอดคลองกันไป ท าบทเรียนเป็นหมวดหมู
3. การจัดประสบการณ์การเรียนรูควรใหผูเรียนไดคนพบดวยตนเองบาง
4. ผูเรียนแตละคนมีสติปัญญาที่แตกตางกัน
9. ทฤษฎีการเรียนรู้ของ วอลดอร์ฟ
(Theory of Learning of Waldorf Method)
ทฤษฏีการเรียนรูของกลุมวอลดอร์ฟ (Waldorf Method, 1919) เกิดจากกลุมการศึกษา
เอกชนของประเทศเยอรมัน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1โดยมี วอลดอร์ฟ แอสโทเรียที่ สตุทการ์ท
เจาของโรงงานยาสูบเป็นผูใหการสนับสนุนการเปิดโรงเรียนใหกับคนงานในโรงงาน มีผูออกแบบ
รูปแบบการสอนคือ ดร.รูดอร์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner, 1861-1925)
ในระยะเริ่มแรกการจัดการสอนจะอยูภายใตเงื่อนไข 4 ประการคือ
1. โรงเรียนตองรับเด็กเขาเรียนทุกคน
2. มีการเรียนการสอน 12 ปี
3. โรงเรียนเป็นอิสระไมขึ้นกับรัฐบาล
4. มีครูที่รับผิดชอบเด็กโดยตรง
นวัตกรรมการศึกษาแนววอลดอร์ฟมีรากฐานมาจากมนุษยปรัชญา (Anthroposophy)โดย
ดร.รูดอร์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner 1861-1925) ไดน ามาจัดการศึกษาในโรงเรียนที่มีเปูาหมาย
เพื่อพัฒนามนุษย์ไปสูความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดวยการพัฒนากาย (Body) จิต (Soul) และจิต
วิญญาณ (Spirit) ใหบรรลุถึง ความดี (Good) ความงาม (Beauty) ความจริง (Truth) แนวคิดของ
มนุษยปรัชญาที่เป็นรากฐานส าคัญในการจัดการศึกษาวอลดอร์ฟ เชื่อวา เมื่อมองดูการเกิดและ
เติบโตของเดกคนหนึ่ง เราจะเห็นไดวา กาย (Body) เป็นสวนที่พอแมเตรียมไวใหในโลก สวนจิต
็
วิญญาณ (spirit) เป็นจิตเดิมแทของเด็กเองที่ มาจากโลกเบื้องบน และเชื่อมโยงกันดวยวิญญาณ
(Soul) พอแมและครูมีสวนชวยใหการเชื่อมโยงนี้เป็นไปอยางราบรื่นกลม กลืน ความส าคัญของครูใน
ิ
อนุบาลวอลดอร์ฟ จึงตองเรียนรูที่จะเขาใจ “เด็กตามธรรมชาต” (Natural Childhood) และภาวะกึ่ง
ฝัน (Dreamy stated) ที่มีอยูในวัยเด็ก การศึกษาจึงเสมือนการท าหนาที่ปลุกใหเด็กคอยๆตื่นขึ้นมา
ในโลก หาวิธีเชื่อมโยงเด็กสูโลกที่เขาไดลงมาเกิด ครูยังตองใสใจในการเตรียมสิ่งแวดลอม สถานที่
อาคาร หองเรียน บริเวณสวน ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช และของเลนที่เด็กเลน ใหเด็กสามารถ
ิ
เชื่อมโยงที่มาที่ไปในธรรมชาติได ตลอดจนพลังธรรมชาตของโลก คือ ดิน น้ า ลม ไฟ ครูไดน ามา
~ 29 ~